boompanadda News

เรียกได้ว่ายังคงเป็นประเด็นอย่างมากเลยทีเดียวค่ะ จากรณีที่เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 ที่ทางแม่ตั๊ก กรกนก มาพร้อมคุณเบียร์ ผู้เป็นสามี และคู่กรณี ได้มีการมาออก รายการโหนกระแส ในเรื่องปมดราม่าหลอกขายทอง โดยภายหลังจากออกรายการจบไปแล้ว ก็ยังคงมีกระแสโซเชียลและถูกวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอีกมากมาย ตามที่ได้มีการออกมาเสนอข่าวไปแล้วนั่นเองค่ะ ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 รายการโหนกระแส ยังคงนำเสนอเรื่องทองของแม่ตั๊ก ซึ่งมีเหตุการณ์ที่ทำเอา พิธีกรอย่าง หนุ่ม กรรชัย ถึงกับขึ้นเลย หลังพบว่ามีทีมงานโหนกระแสโทรไปขอแม่ตั๊กถ่ายรูปหน้าร้าน แล้วถูกอีกฝ่ายแซะกลับมาว่า ในเพจโหนกระแส เล่นข่าวร้านทองเยอะ เหมือนโหนกระแสเล่นเขาหนักที่สุด ได้ยอด Engagement ดีสินะ ซึ่งพอพี่หนุ่มรู้เข้า ก็ได้สวนคืนแม่ตั๊ก ผ่านรายการทันทีเลยที่เดียวว่า ไม่ได้เล่นหนักที่สุด ทุกที่ก็เล่นแบบนี้แหละ คุณตั๊ก ถ้าฟังผมอยู่นะ ผมบอกว่าเลยเมื่อวาน ผมเปิดโอกาสให้คุณพูดเต็มๆเลย แต่คุณไม่พูดซักคำ คุณอยู่ในนี้คุณไม่พูด แต่คุณไปปากเก่งข้างนอกผมไม่ชอบ ถ้าปากเก่งคุณมาพูดตรงนี้ต่อหน้าผมนี่ ว่าผมไปเล่นคุณตรงไหน หนักยังไง มันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน ผมให้โอกาสคุณในการชี้แจง ถ้าคุณรู้สึกว่ามันไม่ธรรมกับคุณ คุณพูดได้เลยเมื่อวาน คุณพูดได้เลย ชี้หน้าได้เลย เป็นต้น

วันที่ 25 ก.ย. 2567 ที่หน้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาสุราษฎร์ธานี มีคนพิการ ผู้สูงอายุ และ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มารับบัตรคิวเพื่อรอธนาคารเปิดให้บริการในเวลา 08:30 น. บางคนมารอตั้งแต่เวลา 05.30 น. มีเจ้าหน้าที่ของธนาคารคอยอำนวยความสะดวก ด้านสงวนตรี องมณี อายุ 66 ปี มาพร้อมลูกชายพิการได้เดินทางมาตั้งแต่เช้ารับบัตรคิวเป็นคนที่ 2 เมื่อถึงคิวเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ไม่สามารถเบิกเงินได้เนื่องจากมีการผูกบัญชีไว้กับอีกธนาคารหนึ่ง จึงต้องเดินทางกลับเพื่อไปอีกธนาคาร ด้านนายประพัฒน์ เทวราช อายุ 72 ปี ได้เดินทางมาเบิกเบิกเงินจำนวน 10,000 บาทแต่ต้องผิดหวังเนื่องจากว่าตนเองไม่ได้ทำบัตรสวัสดิการของรัฐ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งรายละเอียดให้ทราบและต้องเดินทางกลับ ด้านนายการุณ นุ่นเนียบ อายุ 91 ปี หนึ่งในผู้ที่ต้องผิดหวังไม่ได้รับเงินดิจิตอล 10,000 บาทในครั้งแรก ที่ต้องเดินทางกลับบ้านและเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาจำนวน 200 บาทโดยทาง ด้านนาย จิรศักดิ์ สมบูรณ์สิน ผู้ช่วยผู้จัดการ ธนาคาร ได้อธิบายหลักเกณฑ์ให้ฟังว่าจะได้รับเงินอยู่ในช่วง 2 หลังจากนี้

สำหรับสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่ มวลน้ำไหลลงสู่แม่น้ำปิง ที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ จนระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดเช้านี้ 24 ก.ย. 2567 ณ จุดวัดระดับน้ำ P1 เชิงสะพานนวรัฐ เขตเทศบาลนครเชียงใหม่เพิ่มระดับขึ้นมาอยู่ในระดับสีเหลืองต้องเฝ้าระวัง และแจ้งเตือนภัยพื้นที่ริมแม่น้ำปิง มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มระดับขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากทางตอนบนยังพบว่ามีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องยังไม่ลดลง โดยเฉพาะในพื้นที่ตอนบนที่อำเภอเชียงดาว ประกอบกับตามเส้นทางน้ำไหลผ่านก็มีปริมาณน้ำจากแม่น้ำสาขาไหลลงแม่น้ำปิงเพิ่มเติมด้วย ทำให้ต้องเฝ้าระวังกันอย่างใกล้ชิดเวลานี้ ด้านสำนักงานชลประทานเชียงใหม่ ซึ่งบริหารจัดการแม่น้ำปิง มีการเปิดประตูระบายน้ำที่ตำบลป่าแดด ทั้ง 6 บานเร่งระบายน้ำเต็มขีดความสามารถเพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำที่ไหลมาสมทบ และต้องไม่ให้กระทบกับพื้นที่ตอนล่างด้วย จึงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามประชาชนชาวเชียงใหม่ที่อยู่ในเขตเมือง และที่มีบ้านเรือนริมน้ำก็เริ่มเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำใกล้ชิดบางส่วนที่อยู่ในสที่ลุมต่ำอย่างชุมชนป่าพร้าวนอก ชุมชนป่าแดด ชุมชนหนองหอย ที่เป็นที่ลุ่มต่ำ และจะได้รับผลกระทบก่อนเริ่มมีการขนย้ายข้าวของ ยานพาหนะ รวมทั้งทรัพย์สินมีคาขึ้นที่สูงไว้ล่วงหน้า

วันที่ 24 กันยายน 2567 พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณเกาะไหหลำ ประเทศจีน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และอ่าวไทย ในขณะที่มีแนวพัดสอบของลมตะวันตกเฉียงใต้และลมฝ่ายตะวันออกบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง และภาคใต้ตอนล่าง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตั้งแต่จังหวัดพังงาขึ้นมา มีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตลงไป และอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน …

กลายเป็นข่าวช็อกวงการบันเทิงหลัง อ๋อม อรรคพันธ์ นักแสดงมากฝีมือ ที่เคยฝากผลงานสุดประทับใจไว้อย่างมากมาย เสียชีวิตอย่างสงบ ด้วยวัย 39 ปี สำหรับ อ๋อม อรรคพันธ์ นะมาตร์ เกิดวันที่ 28 มกราคม พ.ศ.2528 เป็นบุตรคนโตจากพี่น้อง 2 คน เขาจบศึกษาระดับประถมศึกษา จากโรงเรียนดาราคาม ระดับมัธยมศึกษา จากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง และระดับปริญญาตรีที่คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ สาขาโฆษณา ด้านชีวิตในวงการบันเทิง อ๋อม อรรคพันธ์ เริ่มต้นชีวิตในการวงการด้วยการถ่ายโฆษณา เล่นมิวสิกวิดีโอ จากนั้นได้มีโอกาสแสดงละครเรื่องแรกในบทสมทบ กับละครทางช่อง 3 เรื่อง รักซ่อนแค้น และขยับมารับบทตัวรอง บทร้าย จนได้บทเด่นเรื่องแรกเรื่อง พระจันทร์ลายพยัคฆ์ จนได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำในสาขานักแสดงสมทบชายดีเด่น ต่อมาอ๋อมมีโอกาสได้ขึ้นแท่นเป็นพระเอกครั้งแรกในละครเรื่อง สาวใช้ไฮเทค กับสังกัดดาราวิดีโอ โดยแสดงคู่กับ จุ๋ย วรัทยา นิลคูหา จนมาเป็นที่รู้จักจากบทหลวงอัครเทพวรากร ในละครเรื่อง ทวิภพ หลังจากนั้นอ๋อมถือว่าเป็นพระเอกของช่องที่มีผลงานอยู่เรื่อย ๆ ผลงานการแสดง ละครโทรทัศน์ที่ออกอากาศทางช่อง 3 เอชดี ปี พ.ศ.2551 …

เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ช็อกใจแฟนคลับเป็นอย่างมาก หลังเพจ Ch7HD ขอแสดงความเสียใจและร่วมไว้อาลัย ต่อการจากไปของ อ๋อม อรรคพันธ์ นักแสดงมากฝีมือ ที่เคยฝากผลงานสุดประทับใจไว้อย่างมากมาย อาทิ สัจจะในชุมโจร (เสือสั่งฟ้า 3), อินทรีแดง, ราชนาวีที่รัก, เจ้าสาวสลาตัน, อตีตา, วันนี้ที่รอคอย, พระจันทร์ลายพยัคฆ์, บันไดดอกรัก ฯลฯ . เสียชีวิตอย่างสงบ ด้วยวัย 39 ปี ก่อนหน้านั้น สำหรับพระเอกหนุ่ม อ๋อม อรรคพันธ์ หลังประกาศพักงานในวงการนานร่วมปี เพื่อเข้ารักษาอาการป่วยโรคมะเร็งบริเวณกล้ามเนื้อหัวใจ ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงนั้นเกิดจากอะไร หากมีความคืบหน้าจะนำมารายงานให้ทราบต่อไป

วันที่ 21 กันยายน 2567 กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ด้านตะวันตกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออก ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยตอนบน ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 …

วันที่ 21 ก.ย. 2567 จากกรณีที่กรมชลประทาน ออกประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ฉบับที่ 8 โดยคาดการณ์สถานการณ์น้ำล่วงหน้า อิทธิพลพายุ “ซูลิก” ที่แม้ว่าจะเปลี่ยนจากดีเปรสชันเป็นพายุโซนร้อนแล้ว แต่ก็ยังทำให้ฝนตกหนักทางภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ กรุงเทพฯ ภาคตะวันออก และภาคใต้และอีกหลายจังหวัด ซึ่งพายุจะมีผลกับประเทศไทยในช่วงวันที่ 19-21 ก.ย. แต่หลังจากนี้ ร่องความกดอากาศก็ยังไม่ไปไหน บวกกับมีมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนเบียดเข้ามา ทำให้วันที่ 22-24 ก.ย. ก็ยังมีฝนอยู่ โดยฝนจะตกกระจายทั่วประเทศ คาดว่าจะทำให้ปริมาณน้ำที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณ 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ต้องระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตราไม่เกิน 1,500 ลบ.ม./วินาที โดยจะมีการระบายเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได ส่งผลให้พื้นที่ริมน้ำมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีก 0.60 ซม. – 1 เมตร บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และที่บริเวณแม่น้ำน้อย ที่ ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน สำหรับปัจจุบัน ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ …

เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก ฝ่าฝุ่น โพสต์คลิปสภาพอากาศจากดาวเทียม พร้อมข้อความระบุว่า เธอกำลังทวีกำลังก่อนอาละวาด เห็นเมฆรอบๆใจกลางดีเปรสชั่น Soulik พวยพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วหลายก้อนแบบตอนท้ายของคลิป เริ่มใจคอไม่ค่อยดี บอกได้เลยว่าเธอกำลังทวีกำลัง และน่าจะเห็นเป็นพายุโซนร้อนหรือไต้ฝุ่นในไม่ช้าก่อนจะขึ้นฝั่งเวียดนามนี่แหละ ทาง JMA ของญี่ปุ่น ขณะนี้พื้นที่มหาสมุทรในทะเลจีนใต้เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการขุนพายุมากที่สุดในโลก มีปัจจัยร่วมขุนอย่างพร้อมมูล เรียกได้ว่าทั้งโลกในขณะนี้ไม่มีผืนน้ำตรงไหนเหมาะกับการขุนพายุมากกว่าตำแหน่งนี้แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเธอจะทวีกำลังขึ้นผิดหูผิดตาก็ไม่ควรจะแปลกใจ พรุ่งนี้จะดูแต่เช้าให้อีกครั้งว่าเธอทวีกำลังไปถึงไหนแล้ว แต่ดูแล้วท่าทางไม่ค่อยดีเลยจริงๆ ขณะที่ก่อนหน้านี้ เพจเฟซบุ๊ก ฝ่าฝุ่น ยังได้ระบุว่า ขอบฝนชายหน้าของพายุดีเปรสชั่น Soulik หรือ 98W หรือ 19W หรือ C (มีหลายชื่อมาก) มาถึงเกาะไหลหลำแล้ว แม้พลังลมไม่แรง ความเร็วลมไม่สูง แต่ฝนนั้นมาถึงไทยแน่ เพราะพายุคือเครื่องจักรสร้างลมและฝน ฝั่งไทยอ่วมน้ำอยู่แล้วหลายพื้นที่ เอาฝนมาตกเพิ่มก็จะหนักขึ้น น่าห่วงสุดคืออีสานเหนือ สกลนคร นครพนม บึงกาฬ หนองคาย เลย กับเหนือบน น่าน พะเยา แพร่ เชียงราย (อีกและ) แต่เขื่อนสิรินธร ภูมิพลมีน้ำแค่ 50-60%เอง …

วันที่ 18 ก.ย. 2567 กรมอุตุนิยมวิทยา อัพเดทเส้นทางพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง เช้าวันนี้ (18/9/67) พายุยังไม่แรงขึ้นเป็นโซนร้อน และเคลื่อนตัวช้าลงเล็กน้อย ไปทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 25 กม./ชม. มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และคาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 20 – 21 ก.ย. 67 หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ และเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณภาคอีสาน และภาคเหนือตอนล่าง ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยภาคเหนือตอนล่าง (แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร กำแพงเพชร ตาก ) ภาคอีสานตอนบนและตอนกลาง (หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร มุกดาหาร เลย อุดรธานี หนองบัวลำภู ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด) ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (ลมฝน)มีกำลังแรงพัดเข้าหาพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำ ทำให้ภาคกลางตอนล่าง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก (นครนายก ระยอง ชลบุรี จันทบุรี ตราด) และภาคใต้ โดยเฉพาะฝั่งอันดามัน (ระนอง …